เนื่องจากผมถือบัตรเครดิตที่สามารถใช้บริการเลาจน์ของ Lounge Key ได้ เวลาที่เดินทางไปต่างประเทศจึงได้มีโอกาสเข้ามาใช้บริการเลาจน์ของสายการบินที่ร่วม Lounge Key อยู่หลายครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าเลาจน์โปรดที่ผมรู้สึกว่าอาหารอร่อย บรรยากาศดี มีเครื่องบินให้ดู และไวน์อร่อย ก็คือเลาจน์ของ Air France นั่นเอง
หวังว่ารีวิวนี้ จะเป็นตัวอย่างเร็ว ๆ ให้กับใครที่อยากเข้ามาใช้บริการ ไม่ว่าจะบินกับสายการบินในกลุ่ม One World ในระดับ Business Class หรือเป็นสมาชิก One World ระดับที่สามารถเข้าใช้บริการเลาจน์ได้ (ซึ่งเอาจริงก็มีหลายเลาจน์ที่อาจจะดีกว่า Air France ก็ได้นะครับ เช่น Cathey) จะได้ลองเปรียบเทียบดู
รีวิวเลาจน์ Air France ณ Concourse F สุวรรณภูมิ
สำหรับเลาจน์ Air France นั้น ชื่ออย่างเป็นทางการของมันก็คือ Air France – KLM Sky Lounge ซึ่งตั้งอยู่ที่ Concourse F ของสนามบินสุวรรณภูมิฝั่งโดยสาระหว่างประเทศ ซึ่งจะอยู่ใกล้ ๆ กับ Miracle First Class Lounge อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอาจจะต้องเดินไกลกันหน่อย แต่ถ้าใครจะต้อง Boarding เครื่องที่ฝั่ง F และ G ก็เดินสบายครับ ไม่ถึง 5 นาที ก็ถึง Gate แล้ว
สำหรับรีวิวนี้ ต้องบอกว่าเป็นการรวบรวมประสบการณ์จากการได้เข้าไปทดลองใช้บริการหลายครั้งหลายโอกาส ในการบินที่แตกต่างกัน ในช่วงปี 2022 ดังนั้น อาจจะเปรียบเทียบเป็นมาตรฐานกลาง ๆ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดระหว่างการใช้บริการในช่วงกลางปีและปลายปีนั้น ทางเลาจน์ได้กลับมาให้บริการอาหารร้อนแบบเดินไปตักเองอีกครั้งในช่วงปลายปี จากเดิมที่จะต้องใช้วิธีสั่งแบบ All You Can Eat A La Carte แทน
ที่นั่งที่บอกได้เลยว่าเป็นส่วนตัวมาก
เริ่มต้นจากบรรยกาศภายในเลาจน์ ต้องบอกว่าเป็นเลาจน์ที่กว้างมาก ๆ มีความโปร่งสบาย และที่สำคัญคือได้แสงธรรมชาติจากด้านออกเข้ามาเยอะอยู่ ทำให้บรรยากาศไม่คับแคบอึดอัด
และมีโซนให้นั่งพักผ่อนอยากเป็นส่วนตัว หลายรูปแบบเช่น
- แบบโต๊ะรับประทานอาหารเต็มรูปแบบ (ซึ่งดีมากนะครับ กินข้าวก็คือกินข้าว ไม่ต้องก้มให้เมื่อยหลัง)
- โซนนั่งแบบเดี่ยว ๆ พร้อมปลั๊คไฟ สำหรับชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ
- โซนนั่งโต๊ะกลางหลายคน ใครมากันหลายคนก็ยึดทั้งโต๊ะไปได้เลยครับ
- โซนนั่งที่สามารถชมวิวสนามบินได้ (อันนี้ของโปรดเลยครับ ทานอาหารเสร็จจะต้องมานั่งดื่มไวน์มุมนี้)
ทีวีที่ใช้ในเลาจน์เป็น Samsung รุ่น Serif ที่สวยงาม และเข้าใจนำมาตกแต่งดี รวมถึงก็จะมีเครื่องฟอกอากาศของ Samsung ติดตั้งไว้ให้ด้วย เข้าใจว่าทาง Samsung นำมาติดตั้งให้เพื่อเป็นการขายของไปในตัว แต่ก็ทำให้บรรยากาศโดยรวมเป็นเหมือนอยู่ในบ้านดี อบอุ่น
โดยที่ในทุกโซน จะให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวอย่างมาก และบางโซนก็จะมีทีวีให้ดูด้วย และทุกโซนมี WiFi ให้บริการทั่วถึงครับ สามารถขอรหัสผ่านจากพนักงานได้เลย
เรียกได้ว่าเป็นเลาจน์ที่ออกแบบมาสำหรับทั้งผู้ที่มาคนเดียว มากันสองคน หรือจะมากันเป็นกลุ่มได้ดีมาก ๆ เลาจน์นึงเลยก็ว่าได้ครับ
โดยภายในเลาจน์ก็จะมีหน้าจอที่ใช้สำหรับบอกเที่ยวบิน ซึ่งในเลาจน์จะไม่มีการประกาศเที่ยวบินนะครับ เช่นเดียวกับเลาจน์อื่น ๆ ต้องรักษาเวลากันเองเอง เผื่อเวลากันเองเอง และใครที่ต่อเที่ยวบินก็สามารถใช้พนักงานที่เคาเตอร์ช่วยเช็ค Gate ได้เหมือนกับเลาจน์สายการบินอื่น ๆ
อาหารการกินและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
มาถึงสาระสำคัญในรีวิวนี้กันครับ ก็คืออาหารการกินนั่นเอง อย่างที่บอกไปว่าหลังจากช่วงกลางปี 2023 ทางสายการบินกลับมาเสิร์ฟอาหารร้อนแบบเป็น Buffet อีกครั้ง สามารถเดินไปตักเองได้เลย ซึ่งอาหารก็น่าทานมาเลยทีเดียว ในแต่ละช่วงเวลาก็จะมีอาหารที่แตกต่างกันไป
ยกตัวอย่างเช่น ในภาพด้านล่าง จะเป็น ผัดหมี่กุ้งสด ทำออกมาได้น่ากินมากทีเดียวครับ ส่วนอาหารอื่น ๆ ที่มีให้ตักก็จะมีตั้งแต่ Pasta, มัดฝรั่งอบ, มะเขือเทศอบ, และอาหารของทานเล่น ของหวานอื่น ๆ จัดเต็มมาก
ส่วนภาพล่างนี้จะเป็นอาหารในช่วงเช้าครับ บินไฟลต์เช้าเวลาประมาณ 9 โมง ก็จะเสิร์ฟเป็นอาหารเช้าแบบไทยแบบฝรั่ง มีทั้งข้าวต้ม, ไข่ม้วน ซุปต่าง ๆ รวมถึงขนมปังประเภทต่าง ๆ ให้เลือกกันได้เลย พร้อมกับของหวานจัดเต็มเช่นเคย Softdrink มีให้ครบทั้ง น้ำเปล่า, น้ำโซดาต่าง ๆ Coke ธรรมดา, Coke ไม่มีน้ำตาล
อันนี้เป็นบรรยากาศของโซนผลไม้ โซนขนม ซึ่งก็จะเป็นขนมสไตล์ Canape ด้านหลังจะมีชีสให้ด้วยครับ ครบครันมาก ๆ เหมาะสำหรับใครที่เน้นมาทานอาหาร คุ้มค่าสุด ๆ ไปเลย
แล้วก็มาถึงสิ่งที่ทุกคนรอคอยนั่นก็คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั่นเอง ในเลาจน์ Air France – KLM แห่งนี้ เสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัดเต็ม และก็ไม่ได้เป็นแค่การหยิบมาใส่ ๆ ให้พอมีนะครับ เพราะว่ามีแทบจะทุกชนิดที่ท่านอยาก ไวน์ขาว ไวน์แดง สปาร์คกิงไวน์ วอดก้า วิสกี้ หลากหลายชนิด หลากหลายแบรนด์ ที่บอกได้เลยว่า เต็มทีกันไปเลยทีเดียว
ในส่วนของโซนนี้ก็ จะมีถังน้ำแข็ง พร้อมถั่วนานาชนิดให้บริการ ที่บอกว่านานาชนิดเพราะว่า มีหมดเลยนะครับ ใครชอบถั่วลิสง ใครชอบถั่วคลุกผงต้มยำเผ็ด ๆ หน่อย ก็เลือกกันได้ตามความชอบ เอาให้เมาก่อนขึ้นเครื่องไปเลย (ซึ่งไม่มีจริงหรือครับ ขึ้นไปก็ดื่มต่ออยู่ดี)
ส่วนไวน์ในเลาจน์ อย่างที่บอก มีทั้งขาว แดง และสปาร์คกิง แถมยังมีให้เลือกด้วยนะครับ ไวน์แดงมีให้เลือกสองตัว เป็นไวน์จาก Bordeaux ทั้งคู่ ปี Vintage จะเป็น 2019 ครับ เห็นแบบนี้เลาจน์ไหนที่ยังเสิร์ฟไวน์อะไรก็ไม่รู้อยู่ ต้องรีบปรับปรุงแล้วนะครับ ส่วนไวน์ขาวและสปาร์คกิงก็ไม่แย่เลย ขวดละประมาณ 500-600 บาท ถ้าประเมินไม่ผิดครับ
ชมวิวแล้ว ทานอาหารแล้ว ดื่มไวน์แล้ว ก็มาถึงความพิเศษ (ที่ไม่พิเศษ) ของเลาจน์แห่งนี้อีกอย่างหนึ่งครับ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นข้อติอย่างเดียวของเลาจน์แห่งนี้เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือห้องน้ำครับ
ห้องอาบน้ำก็มีให้บริการด้วยนะ
ที่บอกว่าตินี่ไม่ใช่ว่าห้องน้ำมันไม่ดีอะไรนะครับ มันดีเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากทำมาแบ่งโซนสัดส่วนชัดเจน และที่สำคัญ มีห้องสำหรับอาบน้ำด้วยนะครับ
แต่สิ่งที่อยากจะย้ำเตือนเป็นข้อสังเกตก็คือ ห้องอาบน้ำที่นี่จะไม่ได้มีลักษณะเป็นห้องใหญ่โต เหมือนเลาจน์สายการบินอื่น ๆ ที่จะเป็นห้องแยกพิเศษไปเลย มีชักโครก มีอ่างล่างหน้า มีโซนเปียกโซนแห้งนะครับ แต่จะเป็นห้องสำหรับอาบน้ำแทน ซึ่งแน่นอนว่า ความสะดวกไม่สามารถเทียบเท่าห้องน้ำที่มีทุกอย่างครบครันได้
ดังนั้นใครที่อยากอาบน้ำแบบสุขสบาย จริงจัง ใช้เวลาในห้องน้ำนาน ๆ ก็อาจจะต้องมองข้ามเลาจน์แห่งนี้ไป
ในรูปนี้ผมไม่ได้มาอาบน้ำนะครับ เนื่องจากเหตุผลด้านบน แต่แวะมาถ่ายดูว่า เออ ถ้าจะต้องอาบจริง ๆ มันก็อาบได้ แต่จะไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ สบู่ แชมพู ทางสายการบินจัดเตรียมไว้ให้ครับ ถ้าต้องการอาบน้ำให้แจ้งพนักงานได้เลย พนักงานจะเอาผ้าขนหนูและเครื่องใช้มาให้ พร้อมขอแลก Boarding Pass หรือ Passport ไว้ เป็นเครื่องประกันให้เราเอาผ้าเช็ดตัวมาคืน
สรุปสิ่งที่ชอบและไม่ชอบเลาจน์ Air France – KLM Sky Lounge
สิ่งที่ชอบก็คือเลาจน์แห่งนี้มีความกว้างขวาง ได้แสงธรรมชาติ และอาหารการบินค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ และที่สำคัญคือมีวิวเครื่องบินให้ดู รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เรียกได้ว่า ไม่น้อยหน้าเลย ส่วนข้อเสียก็น่าจะเป็นเรื่องของห้องอาบน้ำที่ไม่ได้มีลักษณะเป็นห้องแยกเรียบร้อย ดังนั้นสายอาบน้ำน่าจะต้องมองข้ามไป ส่วนใครที่เป็นสายดื่ม ถ้าไม่นับว่าจะต้องเป็นเลาจน์ที่มีบาร์ Fancy มีบาร์เทนเดอร์ชงเครื่องดื่มให้ เลาจน์ Air France – KLM ก็น่าจะเป็นสถานที่ที่ผู้ถือบัตร Lounge Key, Priority Pass น่าเข้ามาทดลองใช้บริการกันดูครับ
อ้อที่สำคัญคือ เลาจน์แห่งนี้เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 6:30 จนถึงช่วงดึก ๆ ที่มีไฟลต์ ซึ่งบางวันอาจจะเป็น 1:30 หรือบางวันจะเป็น 4:30 เลย ก็ให้ตรวจสอบผ่านแอพที่เราใช้กันอยู่อีกทีนะครับ
พบกันใหม่ในการเดินทางครั้งหน้า