ถึงเพื่อนนักศึกษาทั้งหลาย ณ เวลานี้คือเวลาที่เรากำลังต่อสู้ เราอยากให้ทุกคนอ่านเรื่องราวที่เราอยากจะเล่าต่อไปนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเรากำลังต่อสู้กับอะไรอยู่ มีคำกล่าวไว้ว่า “อย่ารบในสนามที่เราไม่รู้ว่ากำลังสู้กับอะไร” เรา ในฐานะของหนึ่งในหมื่นพันล้านเสียงอยากจะเตือนทุกคนว่าเรากำลังต่อสู้กับอะไรอยู่
ศัตรูของพวกเราคือความโง่เขลา ไม่ใช่คนที่โง่เขลา
จริง ๆ แล้ว สิ่งที่เรากำลังต่อสู้อยู่คือความโง่เขลา ทั้งในตัวคนอื่นและปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความโง่เขลานี้กล่าวถึงความโง่เขลาภายในตัวเราด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นคำภาษาอังกฤษคำนี้คงจะตรงกับคำว่า “Ignorance” ความโง่เขลาเกิดขึ้นได้กับทุกคนในฐานะที่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้มีแค่กลไกทางชีววิทยา หากแต่มีกลไกทางสังคมและวัฒนธรรมที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นชุดของเรื่องเล่า ไม่แปลกที่บางเรื่องเล่าจะถูกหลงลืม เพิกเฉย หรือปิดกั้นต่อการเข้าถึง สิ่งเหล่านี้เพิ่มความโง่เขลาในตัวเรา
ความโง่เขลาพาเราไปยังดินแดนที่มืดมิด และความโง่เขลาถูกทำลายได้ด้วยแสงสว่างแห่ง “ปัญญา” คือการรู้แจ้ง รวมถึงการเข้าใจภาวะที่เกิดขึ้น เมื่อวันใดที่โลกปฏิเสธปัญญาวันนั้นโลกย่อมมืดมิด เช่นเดียวกับที่เราเรียกช่วงเวลาหนึ่งในประวัติศาสตร์ว่า “ยุคมืด”
แต่ปัญญาไม่มีวันหายไป ยังคงหลบซ่อนในซอกหลืบที่ลึกที่สุด แม้กระนั้น ปัญญาเป็นเหมือนแสงเทียนที่เมื่อถูกจุดแล้วจะถูกส่งต่อกันไปไม่จบสิ้นต่อสู้กับความโง่เขลา ย้ำอีกครั้งว่าทั้งในตัวเราเองและในตัวของผู้อื่น เราเรียกว่าการเริ่มต้นใหม่ หรือ “เรเนซองส์”
การวางรากฐานที่ดีในสังคม ต้องอาศัยการส่งต่อแสงจากเทียนเล่มต่อเล่ม ให้ส่องสว่าง ศัตรูของเราในนามของความโง่เขลา ความมืดมนจึงจะสิ้นไป ด้วยเหตุนี้เองความมืดจึงไม่สามารถถูกทำลายได้ด้วยความมืด
เราเห็นหลายคนเรียกคนอื่นว่าผู้ที่โง่เขลา แต่เรากลับโง่เขลาเสียเอง โง่เขลาที่ไม่ยอมรับว่าเขาเป็นเพียงเทียนที่ยังไม่ถูกจุด เมื่อเทียนเล่มที่ไม่ถูกจุดไปว่าเทียนอีกเล่มหนึ่งที่ยังไม่ถูกจุดสิ่งนี้ไม่ได้สร้างความสว่างขึ้นได้
เมื่อพวกเราทำลายความโง่เขลาในตัวเอง เราย่อมเป็นเทียนที่ส่งต่อแสงสว่างให้กับคนอื่น แม้แสงเทียนเองอาจไม่สว่างสไวตลอดเวลา ถูกลมอุปสรรคพัดให้มัว ให้ดับลง บางครั้งแม้ตัวฉันเองก็อาจพลาดทำเทียนดับ แต่จงรู้ว่าเมื่อใดที่เทียนดับลง จงต่อแสงสว่างจากเทียนเล่มอื่นอีกครั้ง
ศัตรูของเรา ไม่ใช่ประยุทธ์ ไม่ใช่รัฐบาล ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่พรรคการเมือง แต่เป็นความโง่เขลาที่ถูกเมินเฉย
จงทำตัวเป็นเทียน หรือที่ครูท่านหนึ่งของเราเคยกล่าวไว้ว่าให้เราเป็นไฟเย็น ร้อนแรง สว่างสไว แต่ไม่ทำร้ายใคร
“ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป” โลกนี้ ธรรมชาตินี้ จึงเป็นแบบที่มันเป็น
ในอดีต มนุษย์ค้นพบว่าดาวบนท้องฟ้า ไม่ใช่เครื่องประดับให้แก่ราตรีของโลก หากแต่เป็นโลก เป็นดวงอาทิตย์ ที่อยู่ห่างออกไป ความเชื่อนี้ท้าทายต่อแนวคิดเทวาลัย มนุษย์ไม่ได้ใช้เวลายอมรับได้ในหนึ่งวัน สองวัน หากแต่ใช้เวลานับร้อยปี
จนทุกวันนี้ คงไม่มีใครมองขึ้นบนท้องฟ้าแล้วเสียดายที่เราไม่ได้เป็นเทวาลัยอีกต่อไป มีแต่สงสัย ว่าปัญญาจะพาเราไปไกลได้อีกแค่ไหน นี่คือรางวัลที่แท้จริงของการต่อสู้กับความโง่เขลา